ขอนแก่นโมเดล
ขอนแก่นโมเดล
นวัตกรรมการพัฒนาเมืองในฝัน ที่ผลักดันโดยคนท้องถิ่นด้วยกันเอง
เมืองทุกเมืองล้วนมีปัญหา แต่ใครล่ะที่จะลุกขึ้นมาแก้ไข
สำหรับชาวขอนแก่น ปัญหาในบ้านของพวกเขาคือสิ่งที่รอไม่ได้ เมื่องบประมาณจากส่วนกลางยังมีวี่แววว่าจะต้องรอต่อไป ก็ต้องเป็นพวกเขาเองนี่แหละ ที่ลุกขึ้นมาทำอะไรด้วยตัวเอง
ขอนแก่นมีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศ อีกทั้งยังอยู่ตรงกลางของภาคอีสาน ทำให้กลายเป็นเมืองศูนย์กลางในหลาย ๆ มิติ แต่การที่เมืองเติบโตอย่างรวดเร็วก็ทำให้มีปัญหาอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหามลพิษ ขนส่งมวลชน และความเหลื่อมล้ำในสังคม
ก่อนที่เมืองจะโตไปแบบไร้ทิศทาง ภาคเอกชนและราชการส่วนท้องถิ่นของขอนแก่นจึงลุกขึ้นมาเอาจริงเอาจัง ในการวางแผนพัฒนาเมืองโดยไม่ต้องรอใคร พร้อมกับใช้จุดแข็งเชิงพื้นที่ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และแหล่งรวมสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ เพื่อผลักดันนวัตกรรมและผลงานวิชาการในด้านต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับโมเดลพัฒนาเมืองที่เรียกว่า “ขอนแก่นโมเดล” ได้สำเร็จ
มาถึงตอนนี้โครงการต่าง ๆ เริ่มสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างไปบ้างแล้ว เราไปดูกันดีกว่าว่าขอนแก่นในวันนี้เปลี่ยนโฉมอะไรไปแล้วบ้าง
![Smart Mobility](http://moocs.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/content/1624994983.jpg)
คนกรุงเทพคงได้แต่มองตาปริบ ๆ กันเลยทีเดียว เมื่อขอนแก่นวางแผนยกเครื่องระบบคมนาคมในจังหวัดครั้งใหญ่ ก่อนที่การจราจรของเมืองจะยุ่งเหยิงเกินแก้ไข โดยโครงการที่เป็นพูดถึงมากที่สุดก็คือ ระบบรถไฟฟ้ารางเบา ซึ่งถือเป็นรถไฟฟ้ารางเบาแห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุมเส้นทางทั้งหมด 5 สาย พาดผ่านพื้นที่สำคัญอย่างมหาวิทยาลัยขอนแก่น พื้นที่พาณิชย์ และสถานที่ราชการ
หากระบบรถไฟฟ้ารางเบาสร้างเสร็จแล้ว คาดว่าจะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้กว่า 40,000 คน และยังช่วยลดการปล่อยมลภาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นการพัฒนาพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพื้นที่สีเขียวและแหล่งเรียนรู้อย่างพิพิธภัณฑ์ให้กับคนในจังหวัดอีกด้วย
แผนการของขอนแก่นไม่ได้มีเพียงแค่นี้ แต่ยังให้ความสำคัญกับการคมนาคมภายในเมืองเช่นกัน โดยมีทั้งโครงการพัฒนาการเชื่อมต่อรอบบึงแก่นนครด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ‘รถแทรมน้อย’ ซึ่งได้รับมอบมาจากญี่ปุ่น รวมถึงโครงการขอนแก่นซิตี้บัส ที่ให้บริการจาก บขส.3 และสนามบิน วิ่งเป็นเส้นทางวงกลมรอบเมือง บนรถบัสมีการให้บริการ WIFi กล้องวงจรปิด พร้อมทั้งยังแอพพลิเคชั่นในการติดตามตำแหน่งของรถอีกด้วย บริการทันสมัยขนาดนี้แต่คิดค่าโดยสารประชาชนทั่วไปเพียงแค่ 15 บาทตลอดสายเท่านั้น
![Smart Living](http://moocs.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/content/1624995016.jpg)
โครงการ Khon Kaen Smart Health เป็นโครงการจากความร่วมมือของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ผู้ให้บริการสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยในขอนแก่น เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมขึ้นมารองรับการพัฒนางานสาธารณสุขในจังหวัดให้มีประสิทธิภาพ ทั้งแผนการพัฒนาระบบเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อทำให้การแบ่งปันข้อมูลทางการแพทย์ระหว่างภาครัฐและเอกชนสามารถทำได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น และการพัฒนารถพยาบาลอัจฉริยะ ที่ใช้เทคโนโลยีการประชุมทางไกล IoT และเทคโนโลยีโรโบติกส์ ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยเบื้องต้น หรือเริ่มรักษาฉุกเฉินได้ก่อนที่ผู้ป่วยจะเดินทางมาถึงโรงพยาบาล
และที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วก็คือ สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ซึ่งได้เริ่มใช้กับผู้สูงอายุในขอนแก่นแล้ว 500 ราย ช่วยให้ผู้สูงอายุรับทราบข้อมูลสุขภาพของตนแบบเรียลไทม์ เช่น การออกกำลังกาย การนอนหลับ ความดันโลหิต นอกจากนี้ยังมีระบบหลังบ้านที่เชื่อมต่อกับศูนย์สั่งการอัจฉริยะอุบัติเหตุฉุกเฉิน (IOC) ของโรงพยาบาลขอนแก่น ที่สามารถระบุตำแหน่งที่อยู่ของผู้สวมใส่ ทำให้หน่วยฉุกเฉินสามารถเข้าถึงผู้สูงอายุที่เกิดอุบัติเหตุได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ความสำเร็จของโครงการ Khon Kaen Smart Health ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะไปคว้ารางวัลมาแล้วในการประกาศรางวัล IDC Smart City Asia Pacific (SCAPA) ประจำปี 2561
![Smart Energy](http://moocs.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/content/1624995040.jpg)
คงจะดีไม่น้อยหากเราไม่ต้องเสียค่าไฟอีกต่อไป เพราะอาคารบ้านเรือนผลิตไฟฟ้าเองได้ เรื่องนี้มหาวิทยาลัยขอนแก่นพิสูจน์แล้วว่าเป็นไปได้
อาคารสำนักงานของกองสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นอาคารแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ที่ริเริ่มแนวคิดอาคารพลังงานสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Energy Building) โดยมีหลักการคือ ปริมาณไฟฟ้าภายนอกที่นำมาใช้ เมื่อหักลบกับปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้เองแล้ว การคำนวณไฟฟ้าในแต่ละรอบปีต้องมีค่าเท่ากับศูนย์ ซึ่งเลขศูนย์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีเทคโนโลยีประหยัดพลังงานในอาคาร และอาคารต้องสร้างพลังงานเพิ่มขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
หลังจากนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงและยกเครื่องอาคารใหม่ตามแผนแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือมีการใช้พลังงานในอาคารลดลงถึง 40% อีกทั้งพลังงานที่ใช้จริงประมาณ 60% ยังได้มาจากการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเบื้องต้นอาคารสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ประมาณ 28,000 หน่วย/ปี เฉลี่ย 80 หน่วย/วัน หรือมีการผลิตไฟฟ้าได้เกินกว่าปริมาณการใช้งานประมาณ 8% เลยทีเดียว
![Smart Environment](http://moocs.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/content/1624995068.jpg)
ถือเป็นการลงทุนครั้งเดียวได้ประโยชน์สองทางจริง ๆ สำหรับการสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะระบบปิดที่ถือเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกของจังหวัดขอนแก่น มีศักยภาพในการกำจัดขยะได้ถึง 450-600 ตันต่อวัน สามารถเคลียร์ขยะใหม่รายวันได้สบาย ๆ และหากใช้เตาเผาแบบเต็มศักยภาพก็จะสามารถกำจัดขยะเก่าสะสมในจังหวัดขอนแก่นให้หมดไปได้ภายใน 7 ปี
นวัตกรรมที่ใช้เป็นเทคโนโลยีแบบเผาตรง ใช้อุณหภูมิสูงถึง 850 – 1,050 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ความร้อนที่ได้ยังสามารถนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งขายการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ด้วย
นอกจากจะกำจัดขยะไปพร้อมกับปั่นกระแสไฟฟ้าแล้ว ที่นี่ยังมีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่มาตรฐาน และคิดรอบคอบไปถึงชุมชนรอบข้าง โดยมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพี่น้องชุมชนบริเวณโดยรอบอีกด้วย
![Smart Governance](http://moocs.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/content/1624995093.jpg)
จังหวัดขอนแก่นและเทศบาลนครขอนแก่นร่วมมือกันพัฒนาระบบ E-government ขึ้นมาใช้เอง ในชื่อว่า Electronic Provincial Administration Meeting หรือ EPAM ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ใช้ในการบริหารจัดการการประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประชุม ช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดิน และลดระยะเวลาที่ใช้ในการประชุมให้สั้นลงได้อีกด้วย
ผู้จัดประชุมสามารถทำนัดหมาย อัพโหลดเอกสารการประชุม ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมประชุมได้ผ่านทางเว็บไซต์ ในส่วนผู้เข้าร่วมประชุมเองก็สามารถอ่านวาระการประชุมล่วงหน้าได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น และยังใช้เปิดอ่านในวันประชุมจริงได้ โดยที่ไม่ต้องพิมพ์เอกสารออกมาให้เปลืองกระดาษ ช่วยให้จังหวัดขอนแก่นลดปริมาณการใช้กระดาษในการประชุมได้เฉลี่ย 396,000 แผ่นต่อปีเลยทีเดียว
![Smart Economy](http://moocs.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/content/1624995118.jpg)
ขอนแก่นคือหนึ่งใน MICE City ที่น่าจับตามอง จากข้อได้เปรียบในเรื่องของสถานที่ตั้งและการเดินทางที่เชื่อมต่อได้หลายประเทศ ยิ่งเมื่อมีการพัฒนาสาธารณูปโภครองรับธุรกิจ MICE ก็ยิ่งทำให้ขอนแก่นกลายมาเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นนอกจากกรุงเทพ อย่างเช่นการสร้างประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (KICE) ซึ่งมีพื้นที่กว่า 7,500 ตร. และจุผู้ชมได้กว่า 10,000 คน สามารถรองรับการจัดงานแสดงสินค้า งานประชุมสัมมนาประจำปีขนาดใหญ่ ไปจนถึงคอนเสิร์ตระดับนานาชาติได้แบบสบาย ๆ
นอกจากการพัฒนาสาธารณูปโภคเพื่อดึงดูดการลงทุนจากภายนอกแล้ว ขอนแก่นยังมีการพัฒนาเศรษฐกิจระดับชุมชน โดยการพลิกโฉมย่านเก่าอย่างศรีจันทร์ซอดแจ้งให้กลายเป็นย่านสร้างสรรค์ (Creative District) ในชื่อ “ศรีจันทร์ซอดแจ้ง Walking Street” เป็นการเปิดพื้นที่เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์และกระตุ้นไอเดียธุรกิจของคนรุ่นใหม่ และเศรษฐกิจในชุมชนให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ติดตามข้อมูลข่าวสาร และคอร์สที่น่าสนใจทางด้านนวัตกรรมโดย NIA Academy ได้ที่ Facebook: NIAAcademyTH