ส่องสิงคโปร์
ส่องสิงคโปร์
เจ้าครองตำแหน่ง World's Top Smart City สองปีซ้อน
สิงคโปร์คือประเทศเกาะไซส์มินิ ที่หากวัดกันที่ขนาดพื้นที่ก็ถือว่าเล็กกว่ากรุงเทพมาก แต่กลับใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดมาพัฒนาประเทศให้ก้าวล้ำ จนมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่แซงหน้ากรุงเทพไปอย่างเหลือเชื่อ
จากประเทศที่มีดีแค่การทำธุรกิจและการลงทุน ภายในไม่ถึง 10 ปี กลับก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแทบจะในทุกด้าน หลังจากที่ในปี 2014 นายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ได้ประกาศนโยบาย “Smart Nation” ไว้ว่าจะเปลี่ยนเกาะเล็กๆแห่งนี้ให้กลายเป็นดินแดนอัจฉริยะ ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเข้ามาพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเมืองในทุกมิติ จน World Economic Forum ยกตำแหน่ง “สมาร์ทซิตี้ที่ดีที่สุดในโลก” ให้กับสิงคโปร์ไปเลยสองปีซ้อน
วันนี้เราจะพาไปดูประเทศเพื่อนบ้านของเรากันว่า การพัฒนาเมืองอัจฉริยะในวิสัยทัศน์ของรัฐบาลสิงคโปร์ เขาเลือกที่จะพัฒนาในเรื่องไหนบ้าง
เคยนึกกันเล่น ๆ ไหมว่าถ้าเราเอาเวลาในวัน ๆ นึงที่เสียไปบนท้องถนน มาทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่านี้ บริษัทของเรา เมืองของเรา หรือประเทศของเราจะก้าวหน้าไปได้ถึงขนาดไหน
สิงคโปร์คือประเทศที่มีพื้นที่อยู่เพียงน้อยนิด การแก้ปัญหาการคมนาคมขนส่งด้วยการตัดถนนเพิ่มจึงไม่สามารถทำได้อีกต่อไป สิ่งที่สิงคโปร์เลือกทำจึงเป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชน ไม่ว่าจะเป็นระบบสัญญาณไฟจราจรที่ควบคุมด้วย AI เพื่อให้สามารถจัดการจราจรได้สอดคล้องกันทั่วทั้งเกาะ รวมถึงแอปพลิเคชั่นรอรถเมล์ที่มาพร้อมป้ายรถเมล์อัจฉริยะ ซึ่งจะติดตามรถเมล์ได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ใช้รถสาธารณะบริหารเวลาในการรอรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัสมาใช้ เพื่อให้ผู้โดยสารกว่า 7.5 ล้านคนในแต่ละวันโดยสารรถได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
พลเมืองคือทรัพยากรสำคัญที่สุดของประเทศ เมื่อประชาชนสุขภาพดี สามารถดูแลรักษาสุขภาพด้วยตัวเอง การพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ ก็จะมีประสิทธิภาพตามมา
สิงคโปร์มีการใช้เทคโนโลยีและคิดค้นแอปพลิเคชั่นต่างๆมากมายที่ทำให้คำว่า “การแพทย์ทางไกล” เป็นไปได้จริง ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงระบบดูแลสุขภาพได้จากที่บ้านภายใต้การดูแลของแพทย์ ยกตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชั่น MyResponder ที่สามารถแจ้งเตือนอาสาสมัครให้เข้ามาช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันที ก่อนที่รถพยาบาลจะเดินทางมาถึง
นอกจากนี้ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังขยายใหญ่ขึ้น สิงคโปร์ได้พัฒนาระบบ Elderly Monitoring System (EMS) ซึ่งจะเป็นการติดตั้งเซนเซอร์ไว้ตามมุมต่างๆ ในบ้านเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้สูงอายุ หากเซนเซอร์ไม่ได้รับสัญญาณการเคลื่อนไหวในเวลาที่กำหนด ระบบจะแจ้งเตือนไปยังครอบครัวหรือผู้ดูแล เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้สูงอายุได้ทันท่วงที
จากแนวคิด “Moments of Life” รัฐบาลสิงคโปร์ได้พัฒนาแอปพลิเคชันที่รวบรวมบริการของหน่วยงานรัฐไว้ในที่เดียว เป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและเอกชนสามารถติดต่อรัฐบาลได้สะดวกมากขึ้น โดยไม่ต้องโหลดแอปซ้ำซ้อนให้งง เพียงแค่แอปพลิเคชั่น LifeSG ที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของชีวิต ไม่ว่าจะแจ้งเกิด-แจ้งตาย ทำพาสปอร์ต ยื่นภาษี ขอซื้อบ้าน การขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ ฯลฯ ทำให้ประชาชนสามารถติดต่อราชการได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเดินทางไปรอคิวนานหลายชั่วโมง
สิงคโปร์ทำแบบนี้ได้จริง เพราะมีระบบบัญชีกลาง SingPass ที่ประชาชนสามารถลงทะเบียนควบคู่ไปกับการใช้บัตรประชาชน เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาลได้ทุกหน่วยงาน ซึ่งแน่นอนว่าด้วยมาตรฐานระดับสิงคโปร์แล้ว ข้อมูลของประชาชนจะได้รับการปกป้องความเป็นส่วนตัว ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนสิงคโปร์ว่าทุกธุรกรรมที่ทำกับรัฐบาล ปลอดภัยหายห่วงแน่นอน
สิงคโปร์ขึ้นชื่อว่ามีการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่แน่นอนว่าไม่ใช่แค่การส่งเสริมความเป็นเลิศทางวิชาการอย่างเดียว สิงคโปร์พยายามส่งเสริมให้ประชาชนได้ค้นหาศักยภาพของตนเองตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงวัยทำงาน โดยในปี 2017 ได้พัฒนา Online Portal ที่ชื่อว่า Learning Portfolio ที่นักเรียนมัธยมทุกคนจะต้องมี Portfolio เป็นของตัวเอง เพื่อประเมินศักยภาพเฉพาะตัว และเป็นตัวช่วยในการวางแผนการศึกษา ค้นหาความสนใจ แรงบันดาลใจ และแนะแนวเส้นทางการเตรียมตัวสู่อาชีพในอนาคต และเมื่อก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานก็ยังสามารถแนะนำตำแหน่งงานที่เหมาะสมและทักษะเสริมที่ควรเรียนเพิ่มเติมเพื่อรักษาศักยภาพการแข่งขันในตลาดแรงงานด้วย
นอกจากนี้ เพื่อรองรับการก้าวสู่การเป็น Smart Nation สิงคโปร์ยังจัดโปรแกรมเรียนรู้เทคโนโลยีด้านไอทีตั้งแต่เด็ก ๆ โดยสอนเนื้อหาตั้งแต่การพัฒนาซอฟต์แวร์ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก และความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อบ่มเพาะนักนวัตกร และปลูกฝังแนวคิด Smart Nation ให้กลายเป็นจริงได้ในอนาคต
รัฐบาลสิงคโปร์พยายามเปิดทางให้นักลงทุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาพัฒนาลงทุนนวัตกรรมต่าง ๆ ในสิงคโปร์ด้วยการลดหรือเว้นภาษีให้กับบางกลุ่มธุรกิจ เพื่อดึงดูดการลงทุนในด้านนวัตกรรม และสร้างความคึกคักให้กับย่านนวัตกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ อย่างย่านดิจิทัลพังกอล (Punggol Digital District) ที่เรียกได้ว่าเป็นซิลิคอนวัลเลย์ของสิงคโปร์ ซึ่งผนวกรวมเอาสถาบันทางเทคโนโลยีและธุรกิจต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งยังมีที่พักอาศัย ศูนย์การค้า สถาบันการศึกษา และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางเทคโนโลยีระหว่างภาคอุตสาหกรรมและสถาบันวิชาการ
Facebook: NIAAcademyTH