บล็อกเชนที่เป็นมากกว่าบิตคอยน์

ใครที่ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในวงการบิตคอยน์ก็คงจะคุ้นเคยกับบล็อกเชนกันอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลัง ที่ทำให้คนทั่วทั้งโลกสามารถแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลกันได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือควบคุมโดยรัฐใด ๆ

แต่ความสามารถของเทคโนโลยีบล็อกเชนไม่ได้มีไว้สำหรับการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลเท่านั้น ปัจจุบันธุรกิจหลายๆ ประเภทตั้งแต่ธุรกิจสุขภาพหรือแม้กระทั่งธุรกิจอาหาร ก็ได้เริ่มนำบล็อกเชนเข้าไปใช้เพิ่มศักยภาพการทำงานและความปลอดภัยในธุรกิจ ด้วยคุณสมบัติเด่นในการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ และยังมีการเข้ารหัสเพื่อป้องกันการแก้ไขข้อมูล ทำให้บล็อกเชนเป็นทางเลือกใหม่ในการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย โปร่งใส และสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปกลับมาได้นั่นเอง

วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่า ทั่วโลกตอนนี้มีวงการไหนที่เริ่มขยับเข้ามาใช้บล็อกเชนกันแล้วบ้าง

Food Tracking
Food Tracking

บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง IBM ได้นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้กับอุตสาหกรรมอาหาร โดยจับมือร่วมกับผู้ประกอบการค้าปลีกและอาหารเจ้าดังต่าง ๆ เช่น Walmart Carrefour Nestle Unilever เพื่อพัฒนาเป็นแพลตฟอร์ม IBM Food Trust ซึ่งได้กลายมาเป็นหนึ่งในโครงการบล็อกเชนสำหรับองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก

IBM Food Trust ช่วยให้ผู้บริโภคที่ช้อปปิ้งในซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เข้าร่วมโครงการสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของอาหารได้อย่างโปร่งใส เพียงแค่สแกน QR Code ก็จะรู้ได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองกำลังหยิบลงตะกร้ามาจากฟาร์มไหน ผ่านมือใครมาบ้าง ถือเป็นการตอบรับกับกระแสผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ต้องการบริโภคสินค้าออร์แกนิคและสินค้าที่ผ่านการผลิตอย่างถูกจริยธรรม นอกจากนี้ ในกรณีที่อาหารมีการปนเปื้อนหรือเกิดโรคระบาด IBM Food Trust ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามหาต้นตอ ว่าวัตถุดิบในอาหารแปรรูปที่มีปัญหานั้นมาจากแหล่งผลิตใด ช่วยให้จัดการแก้ปัญหาได้รวดเร็วมากกว่าเดิม

E-Voting
E-Voting

จุดเริ่มต้นเริ่มมาจากการพยายามเปลี่ยนการเลือกตั้งมาเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและช่วยให้การนับคะแนนทำได้เร็วยิ่งกว่าเดิม และลดปัญหาบัตรหาย บัตรเขย่ง จำนวนโหวตถูกเปลี่ยนแปลง ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าหากจะเปลี่ยนการเลือกตั้งให้เป็นดิจิทัล ต้องมีระบบมาดูแลเรื่องความปลอดภัยและโปร่งใส จึงได้มีแนวคิดในการนำบล็อกเชนมาใช้เพื่ออุดรอยรั่วเหล่านี้

ปัจจุบันมีผู้ที่พยายามพัฒนาแพลตฟอร์มเลือกตั้งขึ้นมามากมายในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Follow My Vote และ Voatz ของอเมริกา ระบบเลือกตั้ง e-vox ของยูเครน หรือ Agora ที่ทดลองใช้งานแล้วในเซียร์ราลีโอน ซึ่งล้วนแล้วแต่มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่ยังเป็นที่ถกเถียง โดยเฉพาะช่องโหว่ของการทุจริตที่ยังคงมีอยู่ซึ่งยังต้องพัฒนากันต่อไป เพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงการเลือกตั้งดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยไร้ข้อกังขามากที่สุด

Disruption in Music Industry
Disruption in Music Industry

เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอาจช่วยให้แฟนเพลงสะดวกสบาย แต่สำหรับทางฝั่งผู้ผลิตคอนเทนต์ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง ค่ายเพลง แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ฯลฯ พวกเขายังคงต้องเจอกับปัญหามากมาย ทั้งเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ความขัดแย้งในการแบ่งรายได้ และปัญหาการแบ่งผลประโยชน์จากช่องทางจัดจำหน่ายต่าง ๆ ที่ไม่โปร่งใส ซึ่งก็ทำให้ศิลปินในยุคสมัยนี้อยู่ยากขึ้นไปทุกที

การเข้ามาของเทคโนโลยีบล็อกเชน ช่วยแก้ปัญหาการลักลอบดาวน์โหลด ทำสำเนา หรือนำเพลงไปดัดแปลง เนื่องจากเพลงที่ถูกนำเข้าระบบล็อกเชนจะมีข้อมูลที่ระบุความเป็นเจ้าของที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จึงมั่นใจได้ว่าเงินที่เราจ่ายไปจะไปถึงนักดนตรี นักร้อง นักแต่งเพลง และทุกคนที่มีส่วนปันผลกับเพลง ๆ นั้นอย่างยุติธรรม

นอกจากนี้บล็อกเชนยังทำให้เจ้าของผลงานกับแฟนเพลงใกล้กันกว่าเดิม ศิลปินสามารถขายเพลงของตัวเองผ่านบล็อกเชนและได้รับเงินโดยตรงจากแฟน ๆ ทั่วโลกได้เลยโดยไม่ต้องหักเปอร์เซนต์ให้เอเจนซี่ เรียกว่าเข้าทางศิลปินอินดี้ที่ไม่อยากพึ่งพิงค่ายเพลงมาก ๆ

Health Blockchain
Health Blockchain

จำได้ไหมว่าชีวิตนี้เคยเข้าโรงพยาบาลเพราะโรคอะไรหรือฉีดวัคซีนอะไรไปบ้าง ทั้ง ๆ ที่เป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับชีวิตเราแท้ ๆ แต่การจะย้อนดูประวัติการรักษาต่างๆ กลับทำได้ยากลำบาก ยิ่งใครย้ายบ้านเปลี่ยนโรงพยาบาลบ่อย ๆ ก็ยิ่งวุ่นวาย เพราะข้อมูลไม่ต่อเนื่องเชื่อมโยงถึงกัน

เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาช่วยให้โรงพยาบาลสามารถจัดเก็บและแชร์ข้อมูลผู้ป่วยข้ามไปมาระหว่างกันได้รวดเร็ว หากเราป่วยในต่างประเทศก็สามารถเรียกดูข้อมูลได้ทันที และไม่ต้องมากังวลว่าเวลาผ่านไปแล้วเอกสารจะสูญหาย หรือมีใครที่ไม่ได้รับอนุญาตมาลักลอบดูข้อมูล จึงทำให้การรักษาความลับของผู้ป่วยปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม

หนึ่งในโครงการด้านสุขภาพที่นำบล็อกเชนมาใช้ในตอนนี้ คือ แอปพลิเคชั่น Digital Health Pass ของ IBM ที่รวมเอกสารการยืนยันตัวตนและประวัติการฉีดวัคซีน รวมถึงผลการทดสอบ Covid-19 ซึ่งสามารถนำไปใช้ยืนยันตัวตนกับสายการบินต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

The Future of Education System
The Future of Education System

เรื่องน่าปวดหัวอย่างหนึ่งของสถาบันการศึกษาคงหนีไม่พ้นงานเอกสาร ที่นอกจากจะยุ่งยากซับซ้อนยังเต็มไปด้วยความเสี่ยงมากมาย ไม่ว่าจะเอกสารผิดพลาด เอกสารสูญหาย ไปจนถึงการลักลอบแก้ไขปลอมแปลง

ปัจจุบันจึงได้มีความพยายามในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้บันทึกข้อมูลและรับรองผลการเรียน ยกตัวอย่างเช่น Holbertson School และสถาบัน MIT ที่ได้นำบล็อกเชนมาใช้ในการออกใบรับรองการศึกษา เพื่อเป็นการรับประกันว่านักเรียนได้สำเร็จการศึกษาคอร์สนั้น ๆ จริง ๆ เมื่อจะไปสมัครงานก็เพียงแค่ส่งลิ้งใบประกาศนียบัตรแบบดิจิทัลที่มีการเข้ารหัสให้นายจ้างได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินเรื่องขอเอกสารประทับตราหรือเซ็นลงนามต่าง ๆ ให้วุ่นวาย

บล็อกเชนยังเป็นเทคโนโลยีที่สนับสนุนให้แนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นไปได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการทำ Lifelong Learning Passport ซึ่งจะจัดเก็บใบประกาศหรือ Badge รับรองทักษะใหม่ ๆ ที่แต่ละคนได้เก็บเกี่ยวเพิ่มเติมหลังจากออกจากสถานศึกษามาแล้ว ยิ่งต่อไปในอนาคตมีแนวโน้มที่นายจ้างจะให้ความสำคัญกับใบปริญญาน้อยลง แต่สนใจทักษะเฉพาะทางที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจมากกว่า การมีพาสปอร์ตสะสมทักษะแบบนี้ก็จะเป็นเครื่องการันตีความสามารถของคุณได้อย่างชัดเจน


Facebook: NIAAcademyTH

NIA MOOCs Tech Support