จับตามองความเคลื่อนไหว พาสปอร์ตวัคซีนทั่วโลก

เพราะความปลอดภัยในชีวิตมีค่ายิ่งกว่าสิ่งไหน สำหรับคนในยุคนี้ บัตรเดียวที่จะพาคุณผ่านตลอดทุกสนามบิน โรงแรม ร้านค้า และการบริการอื่น ๆ ได้ จึงไม่ใช่บัตรเครดิตแพลตตินั่มอีกต่อไป แต่เป็นพาสปอร์ตวัคซีนที่การันตีความปลอดภัยของทั้งตัวคุณและคนรอบข้าง

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลกรู้จักกับแนวคิดพาสปอร์ตวัคซีน องค์การอนามัยโลกเริ่มใช้พาสปอร์ตวัคซีนหรือที่เรียกว่า สมุดเล่มเหลือง (Yellow Card) มาตั้งแต่ปี 1969 สำหรับผู้ที่จะต้องฉีดวัคซีนไข้เหลืองหรือวัคซีนอื่น ๆ ที่กำหนด ก่อนที่จะเดินทางเข้าประเทศบางประเทศ

อย่างไรก็ดี วิกฤตโรคระบาดโควิด19 ทำให้พาสปอร์ตวัคซีนถูกนำกลับมาเป็นประเด็นพูดถึงอีกครั้ง นวัตกรทั่วโลกต่างกำลังพยายามคิดหาระบบพาสปอร์ตวัคซีนทั้งแบบกระดาษและแบบดิจิทัล เพื่อให้ทุกคนสามารถพกติดตัวและแสดงข้อมูลได้อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม มาดูกันว่าตอนนี้ทั่วโลกมีพาสปอร์ตวัคซีนแบบไหนกันบ้าง

พาสปอร์ตวัคซีนแบบกระดาษ
พาสปอร์ตวัคซีนแบบกระดาษ

ประชากรกว่าร้อยล้านคนทั่วโลกที่ได้รับวัคซีนไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งเข็มในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา จะได้รับเอกสารที่เป็นกระดาษหนึ่งใบเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการรับวัคซีน สำหรับในบางประเทศพาสปอร์ตวัคซีนยังใช้เป็นเอกสารยืนยันสิทธิในการรับของสมนาคุณหรือโปรโมชั่นต่างๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรับอาหารแจกฟรี ส่วนลดในการช้อปปิ้ง หรือแม้กระทั่งการชิงทุนการศึกษา

เอกสารแบบกระดาษนั้นเข้าถึงได้ง่ายโดยเฉพาะกับประชาชนทั่ว ๆ ไป แต่แน่นอนว่าจุดอ่อนของพาสปอร์ตวัคซีนแบบกระดาษคือการบรรจุข้อมูลที่ทำได้ค่อนข้างจำกัด และปลอมแปลงได้ง่าย นอกจากนี้ในปัจจุบันยังไม่ได้มีการกำหนดแบบฟอร์มเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกเหมือนสมุดเล่มเหลืองขององค์การอนามัยโลก ทำให้บัตรของแต่ละประเทศ หรือในบางกรณีประเทศเดียวกันแต่ต่างรัฐกัน มีหน้าตาแบบฟอร์มที่ไม่เหมือนกัน ทำให้การตรวจสอบสถานะการข้ามรัฐหรือข้ามประเทศยังไม่ราบรื่นเท่าที่ควร

Green Pass – อิสราเอล
Green Pass – อิสราเอล

ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลเริ่มใช้ Green Pass สำหรับประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบแล้วรวมไปถึงผู้ที่เคยติดเชื้อและรักษาตัวจนหายแล้ว ซึ่งจะสามารถนำไปใช้ในการเข้าร้านอาหาร สนามกีฬา สถานบันเทิงต่าง ๆ และแหล่งรวมตัวทางศาสนา โดยผู้ที่ได้รับ Green Pass สามารถโชว์พาสปอร์ตผ่านแอปพลิเคชัน หรือดาวน์โหลด QR Code มาเก็บไว้ในมือถือ หรือใครที่ไม่สะดวกใช้สมาร์ทโฟนก็สามารถพิมพ์เป็นเอกสารที่มี QR Code ให้ร้านค้าแสกนได้เช่นกัน นอกจากนี้ผู้ที่มี Green Pass เมื่อกลับจากการเดินทางต่างประเทศแล้ว ยังได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องกักตัว 14 วันด้วย

Coronapas – เดนมาร์ก
Coronapas – เดนมาร์ก

สหภาพยุโรปมีแผนจะเปิดตัว Digital Green Pass ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน แต่นั่นก็อาจจะยังช้าไปสำหรับบางประเทศ ตัวอย่างเช่นประเทศเดนมาร์กที่ได้ออกตัวแซงหน้าประเทศอื่น ๆ ไปก่อนแล้ว ด้วยการประกาศใช้พาสปอร์ตวัคซีน Coranapas เป็นประเทศแรก

ประชากรชาวเดนมาร์กที่ฉีดวัคซีนแล้ว หรือมีผลการตรวจเชื้อเป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง หรือรักษาตัวหายจากการติดเชื้อภายใน 180 วัน จะได้รับพาสปอร์ตวัคซีนฉบับดิจิทัลนี้ผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟน หรือปริ๊นพาสปอร์ตออกมาจากเว็บไซต์ โดยในสัปดาห์แรกที่เปิดใช้งาน มีผู้เข้าใช้แอปและเว็บไซต์มากถึง 3.5 ล้านคน จากประชากรทั้งประเทศที่มีอยู่ราว 5.8 ล้านคน

ตามแผนของรัฐบาลของประเทศเดนมาร์ก ประชาชนที่มี Coronapas แล้ว จะสามารถนั่งทานอาหารในร้านอาหาร เข้าฟิตเนส สนามกีฬา และคอนเสิร์ตได้ รวมถึงธุรกิจภาคบริการอื่น ๆ ที่รัฐทยอยอนุญาตให้เปิดกิจการได้อีกครั้งก็จะให้บริการประชาชนกลุ่มที่มี Coronapas ก่อนเป็นกลุ่มแรก โดยระบบจะไม่เก็บข้อมูลว่าผู้ใช้แสกน QR Code ในร้านค้าไหนบ้าง เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของประชาชน

VaccineGuard – เอสโตเนีย
VaccineGuard – เอสโตเนีย

เอสโตเนียก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่สามารถรอ Digital Green Pass ของสหภาพยุโรปได้ และเริ่มใช้พาสปอร์ตวัคซีนของตัวเองตั้งแต่ 30 เมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ Coronapas ของเดนมาร์กแล้ว VaccineGuard ของเอสโตเนียยังถือว่าใช้ได้ค่อนข้างจำกัด โดยยังไม่สามารถใช้จองโต๊ะในร้านอาหาร หรือเข้าสถานที่ทำกิจกรรมที่ต้องมีการรวมตัวได้

ฟังก์ชั่นหลักของ VaccineGuard ณ ปัจจุบันนี้ จึงเป็นพาสปอร์ตวัคซีนสำหรับใช้ในการเดินทางด้วยเรือข้ามไปยังประเทศฟินแลนด์โดยเฉพาะ เนื่องจากประชากรของเอสโตเนียกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ต้องเดินทางข้ามฝั่งไปทำงานที่ฟินแลนด์ โดยส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่ที่เฮลซิงกิ เมืองหลวงของฟินแลนด์ในช่วงระหว่างสัปดาห์ และเดินทางกลับบ้านที่เอสโตเนียในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยเรือเฟอร์รี่

Excelsior Pass – นิวยอร์ก
Excelsior Pass – นิวยอร์ก

ในขณะที่รัฐอื่น ๆ ในสหรัฐอเมริกายังใช้บัตรแบบกระดาษอยู่ นิวยอร์กได้เริ่มใช้พาสปอร์ตวัคซีนดิจิทัลควบคู่กันไปกับระบบเดิมตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีคนโหลดแอปไปแล้วกว่า 4 แสนคน

ประชาชนที่ฉีดวัคซีนมาแล้วเกิน 14 วัน หรือมีผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบภายใน 3 วัน หรือตรวจแบบ Rapid Test ภายใน 6 ชั่วโมง จะได้รับ QR Code ผ่านทางแอปพลิเคชัน และสามารถปริ๊นเป็นเอกสารจากเว็บไซต์เพื่อนำมาติดตัวไว้ได้ เมื่อเข้ารับบริการตามห้างร้านต่าง ๆ ร้านค้าเหล่านั้นจะใช้แอป Excelsior Pass Scanner ในการแสกน QR Code ของลูกค้าก่อนเข้าใช้บริการ ซึ่งระบบจะแสดงข้อมูลส่วนบุคคลเพียงแค่ชื่อ วันเกิด และเครื่องหมายถูกสีเขียวสำหรับยืนยันสถานะเท่านั้น โดยรัฐยืนยันว่าระบบจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ หรือติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานแต่อย่างใด


Facebook: NIAAcademyTH

NIA MOOCs Tech Support