Yothi Medical Innovation District

พื้นที่กว่า 1.7 ล้านตารางเมตร ตั้งแต่ถนนพญาไท ราชวิถี โยธี ศรีอยุธยา และพระรามหก ถือได้ว่าเป็นย่านที่มีสถาบันทางการแพทย์และสาธารณสุขอยู่อย่างหนาแน่นที่สุดในไทย จะเป็นอย่างไรหากพื้นที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาให้กลายเป็น “ย่านนวัตกรรมการแพทย์” โดยดึงเอาจุดเด่นด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่อย่างครบถ้วน พร้อมผสานความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์คนไทยสูงสุด

ปัจจุบันย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีมีนวัตกรรมที่น่าสนใจออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนวัตกรรมที่ใช้ในโรงพยาบาล ไปจนถึงอุปกรณ์ล้ำสมัยที่ช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพในชีวิตประจำวันของทุกคน ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้นอกจากจะช่วยลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศแล้ว ยังเป็นการพัฒนาบุคลากรและองค์ความรู้นวัตกรรมการแพทย์ของไทยให้ก้าวหน้าไปได้มากทีเดียว

วันนี้เราจะมาดูกันว่า นวัตกรรมเด็ด ๆ ที่น่าสนใจจากย่านนี้มีอะไรกันบ้าง

นี่คือนวัตกรรมที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้บุคลากรด่านหน้าทั้งหลาย ได้คลายความอึดอัดภายใต้ชุดกันเชื้อ PPE ด้วยนวัตกรรมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะ P-PAPR (Prima Power Air Purifier Respirator) ที่มาพร้อมฟิลเตอร์เทฟลอน PTFE ซึ่งเป็นวัสดุที่มีรูพรุนขนาดเล็ก สามารถกรองไวรัสและฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผ่านการทดสอบแล้วว่าป้องกันแบคทีเรียได้ 99% ป้องกันไวรัสได้ 95% และกรองฝุ่นขนาด 0.1 - 0.3 ได้ 95% และยังสามารถทำความสะอาดและนำกลับมาใช้ใหม่ได้

หน้ากากกันเชื้อฝีมือคนไทยนี้ ออกแบบให้ใช้งานโดยการสวมเฉพาะส่วนคอถึงศีรษะ จึงสามารถนำไปใช้ร่วมกับชุด PPE ได้เลย ตัวหน้ากากมีการติดตั้งปั๊มลมพร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้ได้ต่อเนื่องยาวนาน 8 ชั่วโมง และสามารถปรับระดับความแรงลมได้ตามความต้องการ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แพทย์และพยาบาลทั้งหลายหายใจสะดวกแล้ว ยังสามารถช่วยกรองเชื้อไวรัสได้อีกด้วย

แน่นอนว่าคงไม่มีใครจะเข้าใจผิวดีไปกว่าแพทย์ผิวหนัง สกินแคร์ภายใต้แบรนด์ Skin Intelligence ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเวชสำอางค์ ที่เป็นต้นแบบความร่วมมือทางการแพทย์ระหว่างรัฐและเอกชนที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยสถาบันโรคผิวหนังได้จับมือกับบริษัทเอสนูวา ในการนำงานวิจัยทางด้านผิวหนังมาพัฒนาต่อยอดสู่การสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์คุณภาพสูง ในราคาที่เอื้อมถึง และตอบโจทย์คนไทยได้อย่างแท้จริง

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุดนั่นก็คือ Antioxidant Serum เซรั่มป้องกันการเสื่อมสภาพผิว ซึ่งสถาบันโรคผิวหนังได้นำมาใช้เพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิวหนังหลังจากการทำเลเซอร์ ประกอบไปด้วยอนุพันธ์วิตามินซี APPS เข้มข้น 1% และสารสกัดรากชะเอมเทศที่ช่วยป้องกันการอักเสบและจุดด่างดำ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เวชสำอางค์จากงานวิจัยอื่น ๆ ตามมาอีกหลายตัว หากใครสนใจ ตอนนี้มีวางจำหน่ายทั่วไปแล้ว ไปหามาลองกันได้เลย

คนไทยหลายคนคงคุ้นเคยกับแอปพลิเคชั่นจองคิวตามร้านอาหารที่ชื่อ คิวคิว กันมาอยู่แล้ว จากความสำเร็จและกระแสตอบรับเป็นอย่างดี แอพคิวคิวได้พัฒนามาสู่การเป็นระบบจองคิวในโรงพยาบาล ที่ช่วยลดระยะเวลาและความน่าเหนื่อยหน่ายในการรอคิว และช่วยแก้ปัญหาญาติและคนไข้มาแออัดกันในโรงพยาบาล โดยผู้ป่วยสามารถจองคิวเข้าพบแพทย์ผ่านแอปพลิเคชั่นได้ตั้งแต่ยังอยู่ที่บ้าน ระบบจะแจ้งเตือนลำดับคิวการเข้าพบแพทย์ ช่วยให้คนไข้บริหารเวลาระหว่างรอได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันมีโรงพยาบาลมากกว่า 30 แห่ง ที่พร้อมใช้ระบบนี้ และมีการใช้งานอย่างเต็มรูปแบบแล้วที่โรงพยาบาลราชวิถี และสำหรับผู้สูงอายุหรือใครที่ไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟน ก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ตู้อัจฉริยะ Self-Check KIOSK เพื่อนำคิวอาร์โค้ดมาสแกนได้เช่นกัน

เพราะการล้มเพียงครั้งเดียว อาจหมายถึงการสูญเสียตลอดไป จี้ห้อยคออัจฉริยะ SOOKJAI จึงกลายมาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ลดความเสี่ยงให้กับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยได้ ด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะที่สามารถแยกแยะท่าทางต่าง ๆ ของผู้สูงอายุได้ ทั้งการเดิน นอน ยืน นั่ง วิ่ง เมื่อผู้สวมใส่เกิดอุบัติเหตุหรือล้มลง อุปกรณ์จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังระบบส่วนกลางโดยอัตโนมัติ และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลและผู้ดูแล เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที หรือในกรณีที่ผู้สวมใส่ยังมีสติ ก็สามารถกดปุ่มขอความช่วยเหลือฉุกเฉินไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องได้เองอีกด้วย

ไอเดียนวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุตัวนี้ ยังได้แนวคิดที่จะนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นลำโพงอัจฉริยะ “สมใจ” ที่สามารถใช้บอกข้อมูลในการช่วยเหลือได้ และนาฬิกาอัจฉริยะ “อุ่นใจ” ที่ช่วยตรวจสอบข้อมูลสุขภาพของผู้ใช้ และวิเคราะห์ข้อมูความเครียดเชิงลึกเพื่อวิเคราะห์การเกิดโรคได้

ผมบางคือปัญหายอดฮิตทรมานหัวใจชายไทย ที่กว่าจะเจอวิธีการรักษาที่ใช่ ก็อาจจะเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา เพื่อให้การแก้ปัญหาผมบางง่ายกว่าเดิม จึงเกิดเป็นนวัตกรรมหมวกเลเซอร์ปลูกผมสำหรับใช้ในบ้าน สามารถรักษาอาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์ รวมถึงผมร่วงจากการใช้สารเคมีกับเส้นผมมากเกินไป โดยอาศัยหลักการเลเซอร์บำบัดด้วยเทคโนโลยี Low Light Level Therapy (LLLT) เมื่อสวมใส่ เซลล์เม็ดเลือดแดงดูดซับแสงสีแดงเข้าไป ทำให้กระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เซลล์ที่อ่อนแอคืนสู่สภาพเดิม และกระตุ้นให้เกิดผมขึ้นมาใหม่ได้ หมวกเลเซอร์ปลูกผมได้รับการทดสอบทางคลินิกโดยทีมแพทย์ผิวหนังจากโรงพยาบาลรามาธิบดีแล้วว่า เป็นอุปกรณ์ที่ปลอดภัยและทำให้ผมหนาและเส้นใหญ่ขึ้น โดยสวมใส่ครั้งละ 20 นาที วันเว้นวัน จะทำให้เห็นผลได้ภายใน 2 เดือน หรือหากใช้ในคนที่ผ่านการผ่าตัดปลูกถ่ายเซลล์ผมมาแล้ว ก็จะเห็นผลได้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก

Facebook: NIAAcademyTH